บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

เมื่อนึกถึงตำนานรองเท้า Converse คุณจะนึกถึงอะไร?



แน่นอน คงจะเป้นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ Chuck Taylor
            รองเท้าทรงผ้าใบหัวยางทรงเรียบง่ายที่รู้จักกันในนามว่า “All Star“ นั้นเกิดขึ้นบนโลกนี้ครั้งแรกเมื่อปี 1917 โดยชายหนุ่มที่ชื่อว่า  Marquis Converse เจ้าของโรงงานทำรองเท้าเล็กๆ Converse Rubber Corporation ในรัฐ Massachusetts สหรัฐอเมริกา ครั้งแรกนั้นมันกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นรองเท้าสำหรับเล่นบาสเก็ตบอล และถือเป็นคู่แรกของโลกอีกด้วย ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้รับความนิยมซักเท่าไหร่ จนกระทั่ง Charles H. "Chuck" Taylor หรือที่รู้จักกันในชื่อ Chuck Taylor  (ผู้ชายที่ส่วมเสื้อกล้ามยืนท่าระเบียบพักบนป้ายของรองเท้า Converse All Star นั่นเอง) นักบาสเก็ตบอลระดับ High School ของโรงเรียน Akron Firestones ได้นำไปสวมใส่ในปี 1918 ทำให้บรรดานักบาสเก็ตบอลเริ่มรู้จักกับรองเท้าคู่นี้มากขึ้น และเขาก็ได้เข้ารวมทำงานกับ Converse ในปี 1921

           ต่อมาในปี 1923 Chuck Taylorได้ปรับปรุงรองเท้า Converse ให้เหมาะกับการใส่เล่นบาสเก็ตบอลมากขึ้น โดยเปลี่ยนมาใช้ผ้าใบที่มีความยืดหยุ่นเพื่อป้องกันข้อเท้า และตั้งชื่อให้กับมันว่า “All Star” พร้อมกับติดโลโก้รูปดาวและชื่อของเขาไว้ที่ข้อเท้าด้านใน จนทำให้ทุกคนรู้จักรองเท้ารุ่นนี้ในนาม Converse All Star Chuck Taylor และกลายเป็นรองเท้ายอดนิยมในยุคนั้นไปเลย
           ในช่วงแรก Converse All Star Chuck Taylorนั้นทำออกมาเพียง 2 สี คือ สีดำและสีขาว แต่เนื่องจากได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในปี 1966 Converse จึงตัดสินใจทำ All Star ในสีต่างๆ ตามคำเรียกร้องของลูกค้า และได้ถูกสวมใส่จนกลายเป็นแฟชั่นที่มาแรงสุดๆ อีกทั้งวัสดุที่ใช้ทำก็มีให้เลือกมากขึ้น เช่น หนังแท้ หนังแก้ว หนังกลับ ผ้ายีนส์ และผ้าพิมพ์ลายต่างๆ นอกจากนั้นยังมีการทำทรงของรองเท้าเพิ่มขึ้นอีก 2 ทรง คือ แบบ Low cut (หุ้มส้น) และ knee-high (หุ้มแข้ง) บ้างรุ่นก็มีการใช้เทคนิคแปลกๆ เช่น การใช่ยางยืดแทนการใช้เชือกรองเท้า และด้วยการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็ได้ทำให้ Converse บุกเข้าสู่ตลาดแฟชั่นอย่างเต็มตัว  ซึ่ง Chuck Taylor ก็มีส่วนร่วมในการออกแบบมาโดยตลอดจนกระทั่งปี 1969 ที่เขาจากโลกนี้ไป
            หลังการจากไปของ Chuck Taylor Converse ก็ได้นักบาสเก็ตบอลซูเปอร์สตาร์คนใหม่มาร่วมงานด้วย Julius Erving หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า “Dr. J” นักบาสเก็ตบอลที่ดังมากๆ ในยุคนั้น และได้ใส่ Converse All Star เช่นเดียวกับ Chuck Taylor จนโด่งดังและได้ออกรองเท้ารุ่น Pro model ของตนเองในปี 1976       
Sex Pistols ต่างเลือก Converse เป็นรองเท้าสำหรับใส่เล่นคอนเสริต์ จนวัยรุ่นพังก์ร็อคต้องหามาใส่เป็นเครื่องแบบไปเลย เรียกได้ว่า Converse All Star กลายเป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับชาวพังก์ร็อคไปแล้ว rockabilly และมาฮิตสุดๆ ในยุค 70 กับแฟชั่นแบบพังก์ร็อค ที่คนดังอย่าง Ramones นอก จาก Converse จะทรงอิทธิพลในวงการกีฬาแล้ว ยังมีอิทธิพลมหาศาลต่อวงการแฟชั่นและดนตรีอีกด้วย Converse ถูกสวมใส่โดยเหล่านักดนตรีตั้งแต่ยุค , The Clash และ


            แม้กระแสแฟชั่นและดนตรีจะเปลี่ยนไป แต่ Converse All Star ยังคงได้รับความนิยมอยู่และกระจายมาสู่ทวีปเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่นิยม Converse All Star เป็นอย่างมาก จนถึงขั้นผลิตรุ่นพิเศษต่างๆ มาเพื่อขายที่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรุ่นที่นำกลับมาทำใหม่ หรือไม่ก็ออกแบบที่ญี่ปุ่นเอง
          ในบ้านเราก็เป็นอีกประเทศที่นิยม Converse All Star มาก เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตรายใหญ่แห่งหนึ่งของโลก จึงส่งให้ราคาไม่แพงมากเหมือนที่อื่น แถมยังคุณภาพดีอีกด้วย คนไทยจึงนิยมใส่กันมาก ประกอบกับในระยะหลัง Converse ไทยเริ่มมีการออกแบบให้เข้ากับแฟชั่นมากขึ้น จึงทำให้มีแฟนๆ เพิ่มมากขึ้นอยู่เรื่อยๆ


              และที่เล่ามาทั้งหมดนี้เป็นแค่เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของเรื่องราวความเป็นมาก ว่า 100 ปีของรองเท้า Converse All Star ซึ่งถ้าให้เล่าทั้งหมดคงต้องใช้พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 100 หน้าแน่ๆ เอาเป็นว่าอย่างน้อยคุณก็ได้รู้ซักทีว่าชายหนุ่มนักกีฬาที่ป้ายรองเท้า Converse All Star นั้นคือใคร
ขอขอบคุณ chimneychannel.com ด้วยครับ สำหรับข้อมูลดีๆ
ตั้ม - Motor Classic Shops

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น